Smiling from the side of way…

Smiling from the side of way

ขอเชิญร่วมเป็นเกียรติเปิดงานนิทรรศการ
“รอยยิ้มจากริมทาง”
โดยบัญชา มะ

ในวันศุกร์ ที่ 11 มีนาคม 2553 เวลา 16.30 น
ณ หอศิลป์ร่วมสมัยจังหวัดกระบี่
คุณกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่
ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน
นิทรรศการจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม ถึงวันที่ 17 เมษายน 2554
****************************************************************************************************
สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
หอศิลป์ร่วมสมัยจังหวัดกระบี่
เปิดทำการทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์)
เวลาทำการ 10.00 น. ถึง 17.00 น
โทร 0 – 75630 – 061
e-mail : krabiartmusrum.2551@gmail.com

Welcome to Grand oppening at Krabi Contemporary Art Museum by mayor of Krabi Kiratisak Phookloan

Exhibition
Smiling from the side of way

By Arist Bancha ma

On friday 11th of march at 16.30

Exhibition form 11th of march to 17th Apirl 2011

Open
Tus – sat  10.00 – 17.00
sun          9.00  – 16.00
Manday Close

หอศิลป์ร่วมสมัยจังหวัดกระบี่

Krabi Contemporary Art Museum

e-mail : krabiartmuseum.2551@gmail.com

tel : 0 – 75630 – 061

โรตี..เก้าอี้ดนตรี โรตีข้างห้างโวค กระบี่

วันนี้แนะนำเมนูเบาๆนะครับ เป็นเมนูอาหารพื้นถิ่น

ก่อนนี้ เพื่อนที่มาจากกรุงเทพเคยถามผมว่า “ทำไมคนที่นี่ถึงได้นั่งทานกันเป็นชั่วโมงๆ เห็นบนโต๊ะมีแค่จานโรตีและกาน้ำชา”

ก็คงอธิบายได้ว่า คงจะเหมือนๆกับคนกินเหล้า ที่ไม่ได้ชื่นชอบรสชาดของสุรา แต่ชอบบรรยากาศการร่ำสุราไงครับ (ไปแบบน้ำขุ่นๆเลยนะ)

ความจริงก็คือ เป็นวัฒนธรรมของท้องถิ่นครับ  โรตี เป็นอาหารภารตะ ถ้าแปลเป็นภาษาไทย คือ แป้ง หรืออาหารที่เป็นแป้ง แต่ด้วยการเดินทางมาไกลทำให้โรตีได้มีวิวัฒนาการตามสังคมไทย จากเดิมมีการกินโรตีกับแกง มาเป็นอาหารหวานทานเล่นที่แสนอร่อย ราดนม โรยน้ำตาล ใส่ชอคโกแลต ลูกเกด ทำให้โรตีมีขายอยู่ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย 
ที่จริงแล้ว โรตี ก็คือโรตี เป็นของทานเล่น แต่ ที่ไม่ธรรมดา ก็คือ การที่เราได้นั่งเสวนาร่วมกับเพื่อนร่วมก๊วนซึ่งอาจมีต่างศาสนา หรือเป็นที่นัดพบก่อนที่จะไปต่อ หรือแยกย้ายไปพักผ่อน ก็ที่นี่แหละครับ
ก็สั่งโรตี กะชาร้อน(หรือเย็น) นั่งคุยไปคุยมา ปาเข้าไปเป็นชั่วโมงๆ คุยกันไปชักฝืดคอ ต้องจิบน้ำร้อน ซึ่งผมเรียกอีกอย่างว่า”ชาเฉย” ที่นี่เขาเติมฟรีครับ บางโต๊ะ เติมกัน4-5 กา กว่าจะลุก

ร้านโรตีที่แนะนำในครั้งนี้ ไม่มีชื่อร้านครับ มีเพียงป้ายที่บ่งบอกว่าขายโรตี ชา กาแฟ แต่คนที่ อ.เมืองกระบี่ จะรู้จักกันในนามของ โรตีข้างโวคเนื่องจากอยู่ข้างห้างดังของกระบี่ ที่มีชื่อว่าโวค หรืออีกชื่อหนึ่งที่ฟังดูแล้วน่าสนุกคือ โรตีเก้าอี้ดนตรี เนื่องจากความนิยมของคนในพื้นที่ ทำให้โต๊ะที่ตั้งกว่า 20 ตัวไม่พอกับจำนวนลูกค้า ที่เข้ามากินโรตี ชา กาแฟ ทำให้เวลามีลูกค้าที่กินเสร็จแล้วจะมีลูกค้าใหม่มานั่งทันทีเหมือนเป็น เก้าอี้ดนตรีไงครับ น่าสนุกดีออก

โรตีเมืองกระบี่

ขอบคุณวีดีโอจาก MrPandanbook

ป้าดา สอนการฟัดโรตี ในยูทูบ

ป้าดา สอนการฟัดโรตี ในยูทูบ

http://www.youtube.com/watch?v=fF9cp5w-AHI

ป้าศรี สอนทำขนมโค ในยูทูบ

ป้าศรี สอนทำหนมโค…

รับชมได้เลยคร้าบบบบบบ พี่น้อง

http://www.youtube.com/watch?v=mUQZwJn26gg

Presentation ทำอาหารไทย-ต่างชาติ

สวัสดีครับ

ผมได้รวบรวมกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำร่วมกันตลอดเวลา 2 เดือน ที่พวกเราอยู่ร่วมกัน

น่าเสียดาย ที่ผมไม่ได้เข้าร่วมพิธีปิดเมื่อวานนี้ เนื่องจากติดภารกิจ ที่สำนักงานสถิติครับ

แล้วผมจะทยอยเอามาลงเรื่อยๆนะครับ
อย่าลืม ช่วยกันแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ

อนันต์/ประธานรุ่นฯ

เพื่อนๆ สามารถดูในหน้า Youtube ได้ โดยคลิ๊กที่ โลโก้ Youtube ด้านล่างขวาครับ

วิธีทำผัดไท (ก๋วยเตี๋ยวที่นิยมรับประทานกันทั่วไป)

เครื่องปรุงผัดไท ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก กุ้งสด กุ้งแห้ง ใบกุ่ยช่าย ถั่วลิสง หัวหอมแดง ไข่ ถั่วงอก เครื่องปรุง
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก (454 กรัม) 1 ห่อ
กุ้งสด 10 ตัว
กุ้งแห้ง ½ ถ้วย
ถั่วลิสงคั่ว ½ ถ้วย
ไข่ไก่ 4 ฟอง
เต้าหู้แข็งหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
หัวหอมแดง 1 หัว
กระเทียม 3 กลีบ
หัวไชโป๊เค็ม ¼ ถ้วย
ถั่วงอกสด 300 กรัม
ใบกุ่ยช่าย 200 กรัม
น้ำมันสำหรับผัด ¼  ถ้วย
น้ำมันสำหรับทอด 1/3  ถ้วย
น้ำซอสปรุงรส 1 ถ้วย
เครื่องปรุงน้ำซอสปรุงรสผัดไทย น้ำมะขามเปียก ซอสมะเขือเทศ น้ำตาล เกลือ พริกป่น ซีอิ้วขาว เครื่องปรุงน้ำซอสปรุงรส
น้ำมะขามเปียก 6 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 4 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2  ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ½ ช้อนชา
พริกป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำน้ำซอสปรุงรส
นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาผสมรวมกันในถ้วยผสม คนให้น้ำตาลละลาย ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้ใส่ตอนผัดเส้นก๋วยเตี๋ยว
วิธีทำน้ำซอสผัดไท นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาผสมรวมกันในถ้วยผสม คนให้น้ำตาลละลาย ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้ใส่ตอนผัดเส้นก๋วยเตี๋ยว

วิธีทำ
1. ปลอกเปลือกกระเทียมและหัวหอมแดง ตัดก้านกุ่ยช่าย นำผักทั้งหมดพร้อมทั้งถั่วงอกไปล้างน้ำให้สะอาด นำกระเทียมและหัวหอมแดงมาสับให้ละเอียด ส่วนกุ่ยช่ายนำมาหั่นเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว ส่วนถั่วงอกก็สะเด็ดน้ำ พักไว้
วิธีทำผัดไท นำกระเทียมและหัวหอมแดงมาสับให้ละเอียด ส่วนกุ่ยช่ายนำมาหั่นเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว ส่วนถั่วงอกก็สะเด็ดน้ำ

2. นำหัวไชโป๊เค็มมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ นำถั่วลิสงคั่วมาตำให้ละเอียด ส่วนเต้าหู้แข็งก็นำมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ
วิธีทำผัดไท นำหัวไชโป๊เค็มมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ นำถั่วลิสงคั่วมาตำให้ละเอียด ส่วนเต้าหู้แข็งก็นำมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ

3. นำกุ้งมาแกะเปลือก ผ่าหลังดึงเส้นดำออก เปิดเตาที่ไฟปานกลาง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันสำหรับทอดลงไปประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกุ้งที่แกะไว้ลงไปรวนพอสุก จากนั้นจึงตักขึ้นใส่ชาม เตรียมไว้
วิธีทำผัดไท แกะกุ้ง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกุ้งที่แกะไว้ลงไปรวนพอสุก จากนั้นจึงตักขึ้นใส่ชาม เตรียมไว้

4. ตั้งกระทะอีกครั้ง ใส่น้ำมันสำหรับทอดที่เหลือลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อน ให้นำเต้าหู้ที่หั่นไว้ลงไปทอดจนเหลือง ตักขึ้น พักไว้ จากนั้น นำกุ้งแห้งลงไปทอดต่อ ทอดจนกุ้งแห้งกรอบก็ตักขึ้น พักไว้ เช่นกัน
วิธีทำผัดไท นำเต้าหู้ที่หั่นไว้ลงไปทอดจนเหลือง ตักขึ้น พักไว้ จากนั้น นำกุ้งแห้งลงไปทอดต่อ ทอดจนกุ้งแห้งกรอบก็ตักขึ้น พักไว้

5. เมื่อเตรียมเครื่องสำหรับผัดเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มผัดได้ (ควรแบ่งผัดทีละครึ่งนะคะ เครื่องต่างๆ จะได้เข้ากันง่าย) เปิดเตาที่ไฟปานกลาง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันสำหรับผัดลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกระเทียมและหัวหอมแดงสับลงไปเจียวให้หอม จากนั้นให้นำเต้าหู้ทอด หัวไชโป๊สับ และกุ้งแห้งทอดลงไปผัดให้เข้ากัน
วิธีทำผัดไท ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป รอจนน้ำมันร้อนจึงนำกระเทียมและหัวหอมแดงสับลงไปเจียวให้หอม จากนั้นให้นำเต้าหู้ทอด หัวไชโป๊สับ และกุ้งแห้งทอดลงไปผัดให้เข้ากัน

6. ใส่ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กและน้ำซอสปรุงรสลงไปผัดให้เครื่องทั้งหมดเข้ากัน จากนั้น ทำหลุมตรงกลางกระทะ ตอกไข่ลงไป ตีไข่ให้กระจาย
วิธีทำผัดไท ใส่ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กและน้ำซอสปรุงรสลงไปผัดให้เครื่องทั้งหมดเข้ากัน จากนั้น ทำหลุมตรงกลางกระทะ ตอกไข่ลงไป ตีไข่ให้กระจาย

7. รอจนไข่เริ่มสุกก็นำเส้นมากลบ จากนั้น ใส่กุ้งที่รวนไว้ ถั่วงอกสดและกุ่ยช่ายที่หั่นไว้ลงไป ผัดเครื่องทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
วิธีทำผัดไท รอจนไข่เริ่มสุกก็นำเส้นมากลบ จากนั้น ใส่กุ้งที่รวนไว้ ถั่วงอกสดและกุ่ยช่ายที่หั่นไว้ลงไป ผัดเครื่องทั้งหมดให้เข้ากัน

8. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

Tip: เวลาเสิร์ฟอาจเสิร์ฟพร้อมผักสดต่างๆ เช่น ถั่วงอก กุ่ยช่าย และหัวปลีก็ได้ค่ะ

ขอบคุณเนื้อหาจาก : http://www.ucancookthai.com/

แนะแนว สอบ มาตรฐานฝีมือแรงงาน ผู้ประกอบอาหารไทย ขั้น 1

ผู้ที่จะเริ่มทำงานในสายอาชีพ และ สนใจไปทำงานต่างประเทศ ใบรับรองมาตรฐานนี้ ถือว่า เป็นเอกสารชิ้นหนึ่งที่สำคัญมาก บางประเทศไม่ยอมให้ไปทำงานได้หากไม่สอบผ่าน มาตรฐาน ดังกล่าวเสียก่อน และบางประเทศ กำหนดเลยว่าต้องสอบ จากสถานที่ไหนเท่านั้น การแนะแนวครั้งนี้ เขียนเพื่อ แนะแนวผู้ที่อยากจะไปสอบ เพื่อจะได้เตรียมตัวสอบ ผมไม่อาจบอกข้อมูลทั้งหมดได้ เพราะเป็นการสอบเพื่อวัดมาตรฐาน คัดคุณภาพของผู้ประกอบอาหาร เข้าสู่การทำงานในสายอาชีพ ผมได้แต่แนะนำเป็นแนวทางเท่านั้น

การสอบ มีด้วยกัน 2 ขั้นตอน คือ
1. ข้อเขียน
เป็นข้อสอบ ปรนัย 4 ตัวเลือ จำนวน 50 ข้อ จำเป็นต้องทำให้ถูก 35 ข้อจึงจะผ่าน (แต่ในการสอบบางที่ ถ้าสอบแล้วได้ คะแนน 31-34 จะให้สอบแก้ตัว ได้มากขนาดไหนจะตัดให้เหลือ 35 คะแนน) ข้อสอบ มีด้วยกัน 3 ชุด ซึ่งประกอบด้วย พื้นฐานอาหารไทย สูตรหรือส่วนประกอบในอาหารไทย ศัพย์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการประกอบอาหาร นิดหน่อยง่ายๆ ความสะอาด และ ความปลอดภัยในการทำงาน **ต้องสอบข้อสอบชุดนี้ให้ผ่านถึงจะสอบขั้นต่อไปได้ (บางที่เก็บข้าสอบไปเลยทีเดียวทังทฤษฎี และปฎิบัติ เรา ปฎิบัติได้ แต่ ทฤษฎีตก ก็ตกทั้งหมดเหมือนกัน เพราะฉนั้นโปรดพิจรษาสนามสอบ เพื่อจะไม่เสียตังส์ 900 ค่าสอบปฎิบัติ ฟรีๆ)

2. สอบปฎิบัติ
การส อบ ปฎิบัตินี้ จะเป็นการทำ อาหาร 4 อย่าง ประกอบด้วย ของคาว 3 อย่าง และของหวาน 1 อย่าง ภายในเวลา 3 ชั่วโมง สามารถใช้เวลาเกินได้โดยโดนตัดคะแนน แต่ถ่าเกิน 1 ชั่วโมง ถือ ว่า สอบตก ต้องเริ่มกระบวนการสอบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ข้อเขียน โดยมีจุดประสงค์ การคัดอาหารที่นำมาทดสอบ เพื่อวัดระดับ ความชำนาญในหลายๆด้านดังนี้
– การหั่นซอย (สม่ำเสมอ เท่าๆกัน และตรงตามคำสั่ง)
– ลักษณะของอาหาร (สีสรรถูกต้อง ความข้นใส ของอาหาร)
– รสชาติของอาหาร (รสชาติทำถูกต้องตามหรือไม่)
– ขั้นตอนการปรุงการประกอบอาหาร
– การเตรียมวัตถุดิบประกอบอาหาร
– การใช้ทรัพยากร หรือวัตถุดิบ อย่างประหยัด
– ความสะอาด
– ความปลอดภัยในการทำงาน
– การทำงานตามคำสั่ง
คะแนน ปฎิบัตินี้ ต้องทำให้ได้ 70 คะแนนขึ้นไป จึงจะผ่านการทดสอบได้ (โดยบางที่ อาหาร 4 อย่าง สามารถไม่ผ่านได้ 1 อย่าง และทำการซ่อมอีกหนึ่งครังว่าผ่านหรือไม่
ถ้าในการสอบ เราทำอาหารไม่ผ่านมากกว่า 1 อย่าง จะปรับเป็นตก ต้องทำการสอบใหม่ทั้งกมด

การเตรียมตัว/แนะแนว
– ร่างกายต้องพร้อมครับ เพราะ ทำครัวเตรียมทุกอย่าเองหมด ในเวลาจำกัด
– จัดระเบียบขั้นตอนการปรุงอาหารไว้ให้ชัดเลย ขั้นตอนก่อนหลัง
– ทำผักให้พร้อมก่อนทำเนื้อ เพราะปัญหาเรื่องกลิ่นของ วัตถุดิบ
– **ใช้เขียงให้ถูก สี
– ใจเย็นอย่าตื่นเต้น ทบทวนดูคำสั่งให้ชัดเจน
– รอบคอบ ระวังอุบัติเหตุในการทำงาน
– *** อย่าเอาลิ้นตัวเองเป็นหลัก แต่ก็ต้องระวังเวลาปรุงรส เป็นไปได้ให้ยึดตามสูตร เข้าว่า
– เวลา ใช้เกลือ หรือ น้ำปลา ต้อง ค่อยๆใส่ และชิมควบคุมไม่ให้เค็มเกินไป
– มะนาวห้ามใส่ตอนน้ำเดือดเด็ดขาด จะทำให้ขม ยกลงแล้วค่อยปรุงมะนาว
– เวลากรรมผู้ให้คะแนนถาม ควรวิเคราห์หาเหตุผล ในคำตอบให้ได้/ตอบดีมีเหตุผล อาจช่วยให้รอดได้
– ถอดเฟอร์นิเจอรืออกให้หมด เช่น แหวน และ นาฬิกา
– หาเครื่องนับเวลา ถอยหลังมาใช่ กันลืม และคอยเตือน
– อย่าปล่อยให้เตาว่าง ทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกันได้ควรทำ
– คำนวณ เวลาให้ดี อันไหนใช้เวลานาน แต่ไม่ต้องดูบ่อยๆ ให้ทำก่อน และทำอย่างอื่นไปตอน ยกขึ้นเตาแล้ว
– แนะนำ ถ้าจะ สอบ ให้ไปสอบ ที่ วิทยาลัยสวนดุสิต และ โรงเรียนการอาหารนานาชาติสวนสุนันทา เพราะถ้าคุณจะไปต่างประเทศจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสอบใหม่เพราะ หลายๆสถานทูตจะให้สอบ ผ่าน จาก ที่ใดที่หนึ่งนี้

ตัวอย่างอาหารที่ใช้ในการสอบ
1. ข้าวคลุกกะปิ, หลนเต้าเจี้ยว, แกงจืด 3 กษัตย์, มันเชื่อม ขิง
2. ต้มยำกุ้ง, ยำถ่วพลู, ขนมจีน ซาวน้ำ,ถั่วเขียวต้มน้ำตาล

หวังว่าคงเป็นประโยชน์กันนะครับ

—————————————————————–

1. คุณสมบัติ ผู้เข้าสอบ


1. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
2. มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพผู้ประกอบอาหารไทยไม่น้อยกว่า 3 ปี
หรือผ่านการฝึกอบรม ในสาขาอาชีพผู้ประกอบอาหารไทย ไม่น้อยกว่า 90 ชั่วโมง
หรือเป็นผู้จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาหาร
หรือมีการเรียนอาหารไทยไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต

เอกสารประกอบการสมัคร

1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน
2. หนังสือรับรองการทำงาน หรือ สำเนาวุฒิบัตรด้านวิชาชีพ หรือสำเนาผลการศึกษา()
3. รูปถ่าย 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
4. ค่าทดสอบ จำนวน 1000 บาท (ทฤษฎี 100/ปฎิบัติ 900)

2. เดี๋ยวนี้ร้องขอเอกสารนี้ เกือบทุกปะเทศ ที่ เข้าทำงานอย่างถูกกฎหมาย (มี Work permit ไม่ใช่แบบ โดด VISA) สำหรับผู้ที่ จะเข้าทำใหม่
ถ้า สถานทูตไม่ขอ นายจ้างก็ ขอเองแล้วครับ เดี๋ยวนี้ ตัวอย่างประเทศที่ ขอโดยสถานทูตนะครับ เยอรมัน อังกฤษ ออสเตเรีย แคนนาดา

3. สมัครสอบได้ทุกวัน แต่สอบไม่ได้ทุกวันแล้วแต่ที่ แล้วแต่สนามสอบครับ ลองไปดูติดต่อ แต่ล่ะที่เอาครับ

**ควร จะสอบเอาไว้ครับ ถึงว่าจะไม่ไปทำงานต่างประเทศก็ตามเพราะถึงเวลาต้องใช้จริงๆ Process กว่าจะได้ใบ เนี่ย 1-3 เดือน เลยนะครับ ไหน จะเวลาสอบอีก ทำงานในไทย บางโรงแรมก็เริ่มขอแล้วครับ โดยเฉพาะโรงแรม 5 ดาว


ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บบอร์ด : http://thaichefs.org

วิธีทำหมูหวานสำหรับเป็นเครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิ

เครื่องปรุงหมูหวาน หมูสามชั้น ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำตาลปึก หัวหอมแดง เครื่องปรุง
เนื้อหมูสามชั้น 350 กรัม
ซีอิ้วขาว 1 ½  ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำตาลปึก 3 ½ ช้อนโต๊ะ
หัวหอมแดง 3 หัว
น้ำเปล่า ½ ถ้วย

วิธีทำ
1. นำเนื้อหมูมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนหัวหอมแดงปลอกเปลือกแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้น ซอยบางๆ พักไว้
วิธีทำหมูหวาน นำเนื้อหมูมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนหัวหอมแดงปลอกเปลือกแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้น ซอยบางๆ พักไว้

2. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำน้ำเปล่าใส่หม้อต้มให้เดือด ใส่เนื้อหมูลงไป พอเนื้อหมูเริ่มสุกให้ใส่เครื่องปรุงคือ ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว และซอสปรุงรสลงไป
วิธีทำหมูหวาน ต้มน้ำให้เดือด ใส่เนื้อหมูลงไป พอเนื้อหมูเริ่มสุกให้ใส่ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว และซอสปรุงรสลงไป

3. คนเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากัน และเคี่ยวหมูไปประมาณ 30 นาทีโดยใช้ไฟอ่อนจนหมูนุ่ม
วิธีทำหมูหวาน คนเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากัน และเคี่ยวหมูไปประมาณ 30 นาทีโดยใช้ไฟอ่อนจนหมูนุ่ม

4. เมื่อหมูเริ่มนุ่มแล้วให้ใส่น้ำตาลปึกลงไป คนให้น้ำตาลละลายและเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 15 นาที จากนั้น ใส่หัวหอมแดงซอยลงไป
วิธีทำหมูหวาน เมื่อหมูเริ่มนุ่มแล้วให้ใส่น้ำตาลปึกลงไป คนให้น้ำตาลละลายและเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 15 นาที จากนั้น ใส่หัวหอมแดงซอยลงไป

5. คนให้เข้ากัน จากนั้นก็ปิดเตา เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมข้าวคลุกกะปิได้เลยค่ะ

คนให้เข้ากัน จากนั้นก็ปิดเตา เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมข้าวคลุกกะปิได้เลยค่ะ

Tip: น้ำตาลปึกควรจะใส่ทีหลังเครื่องปรุงอื่นๆ ก็เพราะว่าถ้าใส่น้ำตาลเร็วเกินไป น้ำตาลจะไปรัดเนื้อหมูจะทำให้เนื้อหมูแข็งได้

ขอบคุณเนื้อหา จาก : http://www.ucancookthai.com

ข้าวคลุกกะปิ

ข้าวคลุกกะปิ

เครื่องปรุงข้าวคลุกกะปิ ข้าวสวย กะปิ กระเทียม ไข่ไก่ แอ๊ปเปิ้ลเขียว หัวหอมแดง กุ้งแห้งทอด ถั่วฝักยาว พริก มะนาว เครื่องปรุง
ข้าวสวย 4 ถ้วย
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมกลีบใหญ่สับละเอียด 4-5 กลีบ
น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

เครื่องเคียง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ซีอิ้วขาว ½  ช้อนชา
แอ๊ปเปิ้ลเขียวลูกเล็ก 1 ลูก
หัวหอมแดง 3 หัว
กุ้งแห้งทอด ¼ ถ้วย
พริกสด 2 เม็ด
มะนาว 1 ลูก
ถั่วฝักยาว 8 ฝัก

วิธีผัดข้าว
1. ตั้งกะทะที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกระเทียมสับลงไปเจียวจนเริ่มเหลืองและหอม
วิธีผัดข้าวคลุกกะปิ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกระเทียมสับลงไปเจียวจนเริ่มเหลืองและหอม

2. ใส่กะปิลงไปผัดกับกระเทียม พอกะปิเริ่มละลายให้นำข้าวสวยที่เตรียมไว้ลงไปผัด (แบ่งข้าวเป็น 2 ส่วนนะคะ เวลาคลุกข้าวกับกะปิจะได้คลุกทั่วกันง่าย)
วิธีผัดข้าวคลุกกะปิ ใส่กะปิลงไปผัดกับกระเทียม พอกะปิเริ่มละลายให้นำข้าวสวยที่เตรียมไว้ลงไปผัด

3. ผัดข้าวกับกะปิจนกะปิคลุกกับข้าวจนทั่ว ปิดเตา ยกลงและพักไว้
วิธีผัดข้าวคลุกกะปิ ผัดข้าวกับกะปิจนกะปิคลุกกับข้าวจนทั่ว ปิดเตา ยกลงและพักไว้

วิธีเตรียมเครื่องเคียง:
ไข่ฝอย
1. ตอกไข่ใส่ชาม ตีไข่ให้เข้ากัน (ไม่ต้องตีให้ขึ้นฟูมาก) ใส่ซีอิ้วขาวลงไปแล้วตีให้เข้ากันซักพัก จากนั้น ตั้งกระทะที่ไฟแรง ใส่น้ำมันลงไปประมาณ ½ ช้อนโต๊ะ กลิ้งกระทะให้น้ำมันเคลือบกระทะจนทั่ว เมื่อกระทะร้อนได้ที่แล้วให้เทไข่ลงไป รีบเอียงกระทะให้ไข่กลิ้งไปจนทั่วกระทะ
วิธีทำไข่ฝอย ตีไข่ให้เข้ากัน ใส่ซีอิ้วขาวลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้น ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน รอจนกระทะร้อนได้ที่ให้เทไข่ลงไป รีบเอียงกระทะให้ไข่กลิ้งไปจนทั่วกระทะ

2. ทิ้งไว้ซักพักจนขอบของไข่เริ่มล่อนออกจากกระทะแล้วก็ให้เริ่มม้วนไข่จนหมดแล้วตักขึ้นพักไว้
วิธีทำไข่ฝอย ทิ้งไว้ซักพักจนขอบของไข่เริ่มล่อนออกจากกระทะแล้วก็ให้เริ่มม้วนไข่จนหมดแล้วตักขึ้นพักไว้

3. นำไข่ที่ได้ไปหั่นเป็นฝอยๆ แล้วพักไว้
วิธีทำไข่ฝอย นำไข่ที่ได้ไปหั่นเป็นฝอยๆ แล้วพักไว้

กุ้งแห้งทอด
ตั้งกระทะที่ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกุ้งแห้งลงไปทอดจนกุ้งแห้งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ก็ตักขึ้นพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน
วิธีทำกุ้งแห้งทอด ตั้งกระทะที่ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกุ้งแห้งลงไปทอดจนกุ้งแห้งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก็ตักขึ้นพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน

ผักต่างๆ
1. ปลอกเปลือกหัวหอมแดง เด็ดขั้วพริก นำไปล้างน้ำให้สะอาด ซอยหัวหอมแดงบางๆ ซอยพริกให้ละเอียด และหั่นมะนาวเป็นซีกเตรียมไว้
วิธีเตรียมผักเครื่องเคียง ซอยหัวหอมแดงบางๆ ซอยพริกให้ละเอียด และหั่นมะนาวเป็นซีกเตรียมไว้

2. นำแอ๊ปเปิ้ลเขียวและถั่วฝักยาวมาล้างให้สะอาด ปลอกเปลือกแอ๊ปเปิ้ลเขียว ฝานบางๆ แล้วซอยเป็นเส้นๆ นำไปแช่ในน้ำเย็นผสมเกลือป่นประมาณ ½ ช้อนชา ประมาณ 5 นาทีแล้วนำไปล้างด้วยน้ำเปล่าและสะเด็ดน้ำออกเพื่อไม่ให้แอ๊ปเปิ้ลดำง่าย
วิธีเตรียมผักเครื่องเคียง ปลอกเปลือกแอ๊ปเปิ้ลเขียว ฝานบางๆ แล้วซอยเป็นเส้นๆ นำไปแช่ในน้ำเย็นผสมเกลือป่นประมาณ ½ ช้อนชา ประมาณ 5 นาทีแล้วนำไปล้างด้วยน้ำเปล่าและสะเด็ดน้ำ

3. นำถั่วฝักยาวมาตัดหัวตัดท้ายออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้น นำผักต่างๆ มาจัดใส่จานพร้อมเครื่องเคียงอื่นๆ เตรียมไว้สำหรับเสิร์ฟ
วิธีเตรียมผักเครื่องเคียง หั่นถั่วฝักยาวเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้น นำผักต่างๆ มาจัดใส่จานพร้อมเครื่องเคียงอื่นๆ เตรียมไว้สำหรับเสริฟ

วิธีเสิร์ฟ
ตักข้าวใส่จาน วางเครื่องเคียงต่างๆ ได้แก่ ไข่ฝอย กุ้งแห้งทอด แอ๊ปเปิ้ลซอย หอมแดงซอย ถั่วฝักยาวซอย และตักหมูหวานใส่ถ้วยเล็กๆ หรือจะราดลงไปบนข้าวเลยก็ได้ แล้วแต่ความชอบ จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

ตักข้าวใส่จาน วางเครื่องเคียงต่างๆ จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ
ขอบคุณเนื้อหา จาก : http://www.ucancookthai.com

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล

ถั่วเขียวต้มน้ำตาลดูจะเป็นของหวานที่ใครๆ ก็สามารถทำกินเองได้ แต่ทำแล้วจะอร่อยรึป่าว อันนั้นถือเป็นอีกเรื่องนึงครับ

ที่ท่านว่ากันว่ามันทำง่ายที่สุด ส่วนประกอบน้อยที่สุด และตรงไปตรงมาที่สุด ง่ายขนาดลุกขึ้นมาทำตอนตีสองได้น่ะ คิดดู

วันนี้ผมมีเคล็ดลับทำให้ต้มถั่วเขียวมีน้ำใส หอม น่ากินยิ่งขึ้นครับ

บาง ท่านบอกว่าให้ต้มไปสักพัก แล้วเทน้ำทิ้ง เทน้ำสะอาดลงไป ก็จะได้ถั่วเขียวต้มน้ำตาลน้ำใสน่าทาน แต่คุณค่าทางอาหารก็เสียไปกับน้ำที่เททิ้งครับ

ผมมีวิธีทีดีกว่านั้น ครับ ก่อนที่คุณจะนำถั่วเขียวไปต้มควรนำถั่วไปคั่วก่อน เพราะการคั่วจะทำให้ถั่ว หอม เวลาต้มก็ไม่เหม็นเขียว เมื่อนำมาต้มก็ต้มน้ำน้อยๆ ก่อนให้พอแตกแล้วค่อยผสมน้ำตาลลงไป คนให้เข้ากันแล้วจึงเติมน้ำลงไปอีก ปรุงรสตามใจชอบ วิธีนี้จะทำให้ต้มถั่วเขียวของเรามีน้ำใสกิ๊งเลยทีเดียวครับ

ทีนี้ มาดูกันว่า มีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง

Ingredients

1.  ถั่วเขียว (คัดเอาถั่วเสีย เศษผง และ ถั่วหินออกแล้ว) 1/2 ถ้วย

2. น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วย

3. น้ำตาล ทราย 1/2 ถ้วย (ไว้แต่งรสตามชอบ)

4. เกลือ 1/8 ช้อนชา

5. น้ำ 6 ถ้วย

Direction:

1. แยกถั่วที่ดี และถั่วที่เสีย ได้โดยการนำน้ำใส่อ่างผสม และเทถั่วลงไป คัดถั่วที่ลอย และเม็ดสีดำออก

2. ล้างถั่วให้สะอาด

3.นำถั่วที่ได้คั่วด้วยไฟอ่อน จนให้มีกลิ่นหอม

  • เอาถั่วที่คั่วแล้ว ไปแช่น้ำเปล่าประมาณ 3 ชั่วโมง (ผมล่อไปทั้งคืน)
    • ช่วงนี้แหล่ะที่ถั่วจะขยายตัว ก็คอยมาเติมน้ำสักครั้งเมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็จะกำลังดี
    • เหตุที่ีต้องแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงก็เพราะจะได้ไม่ต้องต้มนาน
    • ถ้าใจร้อน หรือเวลาจำกัด ท่านว่าให้แช่ถั่วในน้ำร้อน (ผมก็ไม่เคยลองเหมือนกัน)

4. นำถั่วเขียวลงไปต้ม  (ปริมาณน้ำกะเอา) เมื่อน้ำเดือด ปรับไฟเป็นไฟอ่อน อย่าเพิ่งใส่น้ำตาลเด็ดขาด ต้มไปจนกว่า ถั่วจะสุกนุ่ม บานเล็กน้อย

5. ต้มๆ คนๆ ไปเรื่อยๆ จนถั่วเขียวเริ่มบานออก แล้วจึงใส่น้ำตาลทรายแดง เหยาะเกลือนิดหน่อย (ย้ำ! ว่านิดเดียว) ชิมรสหวาน จืดตามใจชอบ แล้วตักกินได้เลย (ระวังร้อน)

  • เกร็ด ที่ต้องใส่น้ำตาลทีหลังเพราะถ้าเราใส่น้ำตาลลงไปก่อน จะทำให้จุดเดือดของน้ำสูงขึ้น ทำให้ถั่วสุกยากขึ้นนั้นแล
  • คำเตือน เนื่องจากหลังจากปรุงเสร็จ ถั่วเขียวจะขยายตัวเป็นปริมาณประมาณ 1.5 เท่าของปริมาณเดิม ดังนั้นเวลากะก็กะให้พอว่ามันขยาย 1.5 เท่าแล้วไม่เหลือ ไม่ล้นเกิน
  • หลายคนคงนึกด่าผมในใจ “ไอ้เฮ้ แล้วจะรู้ได้ไงฟร่ะ ว่ามันสุกแล้ว” ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เดาๆ เอาว่ามันหอมๆ แล้วเปลี่ยนสีก็ยกขึ้น

Tips & Hints

ถั่ว เขียวต้มน้ำตาลเป็นอาหารปราบเซียน ชื่อเหมือนทำง่าย แต่ต้องให้เทคนิค และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเยอะถ้าจะทำให้ดีได้ หรือ เรียกได้ว่าเป็นเมนูลูกแหง่ เลยก็ว่าได้ เพราะต้องหมั่นดูเสมอ

1. เวลาคั่วต้องคั่วด้วยไฟอ่อน ห้าม ให้ สุกมากไปหรือ มีสีดำเด็ดขาด เพราะจะทำให้เวลาต้ม ถั่วจะไม่มีวันนิ่ม หรือถ้าต้มนานๆ การสุกก็จะไม่สม่ำเสมอ

2. การดูว่า เวลาต้มถั่วสุกไหม ต้องหมั่นดู ทุก 5 นาทีเพราะระยะจากสุก กลายเป็นบานเละ ห่างกันไม่มาก ต้องหมั่นดูเสมอ

3.คนมากคนแรงไม่ได้เพราะจะทำให้น้ำขุ่นไม่น่าทาน

4.ใจร้อนใส่น้ำตาลเร็ว ก่อน ถั่วนุ่มสุกไม่ได้ เพราะน้ำตาลเมื่อละลายในน้ำ ทำให้น้ำมีความเข้มข้นสูงขึ้น ถั่วเขียวจึงสุกยาก (มาก)

5. น้ำตาลมีผลทำให้น้ำใสขึ้นได้

6. ถ้าใส่น้ำตาลทรายแดง(น้ำตาลที่ไม่ฟอกสี)จะอร่อยยิ่งขึ้น น้ำตาลทรายแดงจะหอมหวาน และเข้ากันกับถั่วเขียวมากกว่าน้ำตาลทรายขาวครับ

7. ใช้ไฟ แรงๆ น้ำไม่ต้องมากพอถั่วเขียวแตกใส่น้ำตาล ต้มให้น้ำตาลเข้าเนื้อถั่วดีแล้ว ค่อยเติมน้ำลงไป ตามที่ต้องการ ใช้ไฟอ่อนจนเดือน เราก็จะได้ถั่วเขียวต้มน้ำใส

เห็นเคล็ดลับแล้ว ต้องบอกเลยว่า เมนูปราบเซียนจริงๆครับ ถ้าจะทำให้ดีได้

จะเห็นได้เลยว่าเมนูนี้ สูตรอาหารไม่เกี่ยว เทคนิควิธีการ และฝีมือล้วนๆ

———————————–

ทีนี้ เรามาดูเรื่องของถั่วเขียวกันบ้าง

สรรพคุณ

  • ถั่วเขียวมีฤทธิ์เย็น รสหวาน ทำให้มีคุณสมบัติเด่นในการขับร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยขับปัสสาวะและของเหลวอื่น ๆ รักษาอาการบิด แก้หวัด คออักเสบ ถอนพิษที่เกิดจากสารหนู
  • ช่วยลดความดันโลหิต แก้เบาหวาน บำรุงสายตา เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของไตและม้าม
  • แก้อาการตกขาว และอาการน้ำอสุจิเคลื่อนบ่อย (อันนี้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ ว่าเคลื่อนยังไง)
  • เปลือกหุ้มเมล็ดถั่วเขียวเป็นแหล่งเส้นใยที่ดี จึงช่วยป้องกันท้องผูกริดสีดวงทวาร ช่วยรักษาโรคตาแดง ตาอักเสบ ช่วยให้เจริญอาหาร
  • ถั่วเขียวมีปริมาณไขมันต่ำกว่าถั่วลิสงและถั่วเหลือง จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

วิธีใช้

  • ต้มถั่วเขียวกับน้ำตาล หรืออาจไม่เติมน้ำตาลก็ได้ กินเป็นยาและอาหาร ช่วยแก้ร้อนในและเพิ่มพลัง
  • ต้มถั่วเขียวกับแกนกะหล่ำปลี กรองเอาเฉพาะส่วนน้ำมาดื่ม รักษาอาการคางทูม
  • ต้มถั่วเขียวกับลูกเดือยและสะระแหน่ เติมน้ำตาลเล็กน้อย กินรักษาอาการร้อนใน ตาแดง ริดสีดวงทวาร และโรคผิวหนัง
  • ต้มถั่วเขียวกับแตงกวา ฟักทอง และเปลือกแตงโม กินแก้ร้อนใน ถอนพิษ และบำบัดโรคผิวหนัง
  • ต้มถั่วเขียวกับถั่วแดง และลูกเดือย กินบำบัดอาการของโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร บวมน้ำ หรือต้องการถอนพิษ
  • ต้มถั่วเขียวกับสาหร่ายทะเล และน้ำตาลกรวด กินเพื่อลดระดับไขมันในเส้นเลือดและช่วยลดความดันโลหิต
  • ต้มถั่วเขียวโดยไม่ใส่น้ำตาล กินทุกวันจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน

ข้อควรระวัง

  • ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับม้าม หรือท้องเสียบ่อย ๆ ไม่ควรกิน